วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

The Hunger Games ขอเพียงความหวัง




Happy Hunger Games!

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้มาก่อน

The Hunger Games เล่าเรื่องราวของเด็กสาวชื่อเคทนิสในเขต 12 ที่ต้องอาสาเข้าร่วมเกมล่าชีวิตแทนน้องสาว ซึ่งทุกๆปีในแต่ละเขตจะต้องส่งเด็กชายและหญิงเข้าร่วมเกมส์นี้ (เกมส์โชว์ที่จับคนมาฆ่ากัน) เพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงการก่อกบฎปฏิวัติแคปปิตอล




สาระสำคัญของหนังคือต้องการให้เห็นถึงความป่าเถื่อนของการฆ่าล้างกันในกลุ่มผู้เข้าแข่งขัน เพื่อที่จะคัดผู้รอดชีวิตเพียงแค่หนึ่งคน

นอกจากความโหดร้าย ความดิบเถื่อนในตัวผู้แข่งขันบางคน (ซึ่งบางคนถูกฝึกฝนมาให้ฆ่า เพื่อเข้าร่วมเกมส์ครั้งนี้โดยเฉพาะ เช่นผู้เข้าแข่งขันเขต 1) ในบรรดาความป่าเถื่อนก็ยังมีกลุ่มผู้แข่งขันที่เป็นคนดี (เช่นเคทนิส)ที่ไม่ได้มีความดิบเถื่อนจ้องฆ่าล้างกัน เหมือนกับผู้แข่งขันกลุ่มแรก ซึ่งการเป็นคนดีนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้รอดชีวิตได้



ถึงแม้ตัวละครหลายๆตัวจะตามล่าผู้อ่อนแอกว่าอย่างบ้าเลือดก็ตาม ซึ่งจะดูเหมือนเป็นหนังมืดไปเสีย แต่ก็ยังมีให้แสงสว่างแห่งความหวังด้วยเช่นกัน

ตัวเคทนิสเองนี่แหละที่เป็นความหวัง ซึ่งเธอเองเป็นคนที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างดีเท่าไหร่ เข้ากับคนส่วนใหญ่ไม่ได้ หรือเรียกเรตติ้งไม่เก่ง แต่เพราะความดีของเธอ หรือความกล้าหาญของเธอ(ที่อาสามาแทนน้องสาว)นี่แหละทำให้มีคนค่อยช่วยเหลือเธอ และเอ็นดูเธอ โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องแสแสร้งเรียกเรตติ้งเลย

และความหวัง ความกล้าหาญของเคทนิสก็ทำให้ทั้งโลกออกมาประท้วงต่อต้านแคปปิตอลและสามารถเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์ของการแข่งขันได้


อีกสิ่งที่หนังทำออกมาได้ดีและน่าชมก็คือ พื้นหลังหรือฉากหลังของเรื่องครับ จะเห็นได้ว่า แคปปิตอลเป็นเมืองที่ดูเจริญเพียงแค่เปลือกนอก ผู้คนแต่งตัวมีสีสัน มีชีวิตชีวา แต่ในจิตใจนั้น ชอบความรุนแรงเป็นที่สุด แม้ว่าจะมีคนให้ความช่วยเหลือส่งยารักษาให้เคทนิส ซึ่งดูเหมือนกับเป็นการมอบชิวิตใหม่ให้เธอ แต่จริงๆแล้วมันเป็นเหมือนการซื้อความสนุกเพิ่มเสียมากกว่า

สิ่งนี้จึงเป็นข้อดีของหนัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดูขัดแย้งกันมากๆ กับสิ่งภายนอก ฉะนั้นก็เหมือนกับโลกปัจจุบันนี่แหละ ที่ประเทศเจริญๆทั้งหลายที่ภายนอกเจริญแต่จิตใตโสมม คอยรุกรานประเทศที่ด้อยกว่านั่นเอง

แม้หนังจะทำออกมาได้ดีหลายๆอย่าง แต่หนังก็มีข้อเสียบ้างเหมือนกัน เช่น ฉากการต่อสู้ต่างๆ หรืออุปสรรคต่างๆที่เคทนิสต้องเผชิญดูมันจะง่ายไปสักนิด ซึ่งบางที่เหมือนกับเธอเข้าไปเดินเล่นในป่ายังไงอย่างงั้นละครับ และที่น่าเสียดายคือไม่ค่อยได้โชว์ทักษะการยิงธนูมากเท่าไหร่

ความสัมพันธ์ของตัวละครเช่นเด็กสาว รูว์ จากเขต 11 ที่มีความสำคัญต่อเคทนิส หนังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าทำไมรูว์ถึงไว้ใจในตัวเคทนิส รวมไปถึงตัวละครอย่างพีต้า ที่น่าจะมีสีสันกว่านี้อีกสักนิด

และสุดท้ายฉากจบที่สำคัญมากต่อการเปลี่ยนแปลงกฏการแข่งขัน หนังไม่ได้ให้ความรู้สึกซาบซึ่ง แต่กลับรีบๆตัดให้จบๆไปซะอย่างนั้น ซึ่งหากให้ความสำคัญกว่านี้ลัก็คงเป็นฉากที่ตรึงใจผู้ชมมากทีเดียว

สุดท้ายหากคุณเป็นแฟนหนังสือเรื่องนี้แล้วละก็ คุณไม่ควรพลาดครับ แต่หากจะหวังไปดูฉากโหดๆแบบ Battle Royale แล้วละก็คงผิดหวัง เพราะหนังไม่ได้โหดเลือดสาดแต่อย่างใด แต่หนังนั่นให้ความหวังแก่ผู้ชม

 "หากมีความหวังละก็คุณสามารถดำเนินชีวิตต่อไปบนโลกที่โหดร้ายได้"

ความน่าดู
7/10




1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 มีนาคม 2555 เวลา 16:02

    ว้าวววว ! วิเคราะห์ได้เจ๋งอ่ะ :)
    เรื่องนี้ได้ยินมาว่ามีการใช้เทคนิคกล้อง ที่ทำให้คนดูรู้สึกอึดอัด (ดูแล้วเวียนหัว - -")

    ตอนจบก็ให้ติดตามอีกไง ภาคสองและสาม :D
    แคตนิสแสดงได้ดีมาก ชอบบบบบบบบ

    ตอบลบ