วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

Wall E หุ่นจิ๋วหัวใจใหญ่



สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ขอมารีวิวหนังแอนนิเมชั่นดีๆ สักเรื่อง ที่ดูแล้วให้ข้อคิดและความสนุกสนานแล้วกันนะครับ

Wall E เป็นหนังแอนนิเมชั่นว่าด้วยเรื่องของหุ่นยนต์กำจัดขยะ Wall E ที่ถูกทิ้งไว้บนโลกที่ไม่มีมนุษย์อยู่เลยสักคน เพราะอากาศบนโลกเป็นพิษเกินกว่ามนุษย์จะอยู่ได้ มนุษย์จึงอาศัยบนยานอวกาศแอ็กเซียมโดยมีความหวังว่าสักวันอากาศบนโลกจะกลับมาบริสุทธิ์ดีเหมือนเดิม


เจ้าหุ่น Wall E ที่ถูกทิ้งไว้บนโลก เป็นหุ่นตัวเดียวที่ยังคงทำงานเก็บกวาดขยะ เพราะเจ้าของดันลืมปิดสวิตช์  Wall E ปฏิบัติการกำจัดขยะทุกวัน จนบังเอิญวันนึงมันดันไปเจอต้นไม้เล็กๆ ต้นหนึ่ง และได้เก็บเอาไว้

ต่อมามันได้พบกับหุ่น Eve สุดสวย ที่ถูกยานแอ็กเซี่ยมส่งมาให้ค้นหาพืชบนโลก และ Eve ต้องนำต้นไม้กลับไปที่ยานแอ็กเซี่ยม เพื่อเป็นหลักฐานว่าโลกนั้นสะอาด สิ่งมีชีวิตสามารถมีชีวิตอยู่ได้

เมื่อเจ้าหุ่น Wall E เห็น Eve ครั้งแรก มันก็ตกหลุมรัก Eve ทันที และการผจญภัยไปในอวกาศกับการกู้โลกจึงเริ่มต้นขึ้น

Wall E เป็นหนังแอนนิเมชั่นที่ให้ทั้งความสนุกและแฝงข้อคิดให้คนชมมากมาย


หนังพยายามสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์กับเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี หนังได้ทำนายถึงอนาคตของโลก ว่ามุนษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ยนโลกได้แล้ว เพราะอากาศเป็นพิษไม่มีต้นไม้คอยสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้มนุษย์ จนต้องอพยพออกไปอยู่บนยานอวกาศ ซึ่งสิ่งนี้คงมีให้เห็นสักวันเป็นแน่ เพราะปัจจุบันก็มีมลพิษเต็มโลกไปหมดแล้ว พวกเราอาจจะต้องอพยพไปอยู่นอกโลกสักวันแบบในหนัง

การใช้ชีวิตของมนุษย์บนยานอวกาศก็มีเทคโนโลยีคอยอำนวยความสะดวกมากมาย จนมนุษย์กลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็น เอาแต่กินกับนอน ไม่ออกกำลังกาย จนอ้วนกันหมดทุกคน (แม้แต่จะกินน้ำก็ยังมีหุ่นยนต์เอามาเสริฟ์ให้ถึงมือ) ทุกวันๆ มนุษย์บนยานอยู่แต่กับเทคโนโลยี อยู่หน้าจอคอมที่สั่งงานด้วยเสียง คุยแต่กับคอมเนี่ยแหละ จนไม่ได้ทำความรู้จักกับคนรอบข้างเลย (ก็เหมือนกันกับคนปัจจุบันเล่นแต่คอม ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง)

นอกจากนี้สิ่งรอบตัวบนยานก็เป็นของเทียมหมด ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมชาติ

หลายๆคนคงคิดว่าชีวิตบนยานคงจะสุขสบาย เพราะมีสิ่งอำนวยความไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง มันก็สบายนั่นแหละ แต่เพราะความที่เราอยู่กับเทคโนโลยีมากเกินไป มันก็ทำให้เราเป็นคนขี้เกียจ ที่จะเดินจะหยิบของจะไปนู้นไปนี่ เหมือนกับชีวิตถูกตีกรอบเอาไว้ ไม่ได้มีอิสระอย่างที่คิด (ในหนัง มนุษย์บนยานจะไปไหนต้องนั่งเก้าอี้เลื่อนไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้หรือตานแผนผังของยาน)

หนังจะสะท้อนสันดานของมนุษย์ได้เป็นอย่างดีและก็พยายามสอนปลูกฝั่งกับเด็กที่มาชมว่า เออ เราควรช่วยกันปลูก ดูแลรักษาต้นไม้ ไม่งั้นสักวันจะไม่มีโลกให้อยู่ ต้องไปเร่ร่อนบนยานอวกาศ

นอกจากข้อคิด หนังยังให้ความสนุกสนาน ความน่ารักระหว่าง Wall E และ Eve เป็นสิ่งที่ทำให้หนังน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ทำให้คนดูคอยลุ้นว่าหุ่นทั้งสองจะสมหวังกันหรือไม่

นับว่าเป็นหนังที่ดีเรื่องนึงเลยละครับ รองหามาดูกัน เพราะหนังไม่ได้ให้แค่ความสนุกเพียงอย่างเดียว

ความน่าดู 8.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น