"เทคโนโลยีต่างๆบนโลกเรากำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง แต่สังคมและมนุษย์กลับเสื่อมทรามไม่ได้พัฒนาไปตามเทคโนโลยี"
A Clockwork Orange เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดประโยคข้างบนได้เป็นอย่างดี หนังเรื่องนี้กำกับโดย Stanley Kubrick ผู้กำกับเรื่อง 2001: A Space Odyssey ที่ผมได้รีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว มาถึงหนังเรื่องนี้หนังยังคงเป็นแนวไซไฟในโลกอนาคต ซึ่งหนังได้เล่าเรื่องของแก๊งอันธพาลเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในประเทศอังกฤษ นำโดย Alex และเพื่อนๆอีก 3 คน
แก๊งวัยรุ่นกลุ่มนี้ออกปล้น ฆ่า ข่มขื่น คนตามบ้าน หรือไปตีกับแก๊งอื่นๆ จนวันนึง Alex หัวหน้าแก๊งถูกเพื่อนหักหลังและโดนตำรวจจับเข้าคุกไป
เมื่อ Alex ได้รับการบำบัดเสร็จแล้ว เขาจึงถูกปล่อยตัวกลับมาสู้สังคมอีก แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ดีอะไรไปดว่าการอยู่ในคุก มันกลับแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะสังคม ครอบครัวเขาไม่ยอมรับเขาอีกต่อไป
นับว่าเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนความเป็นจริงของสังคมได้ดี แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะถูกแบนก็ตาม เพราะมีฉากโหดร้าย เช่น ฆ่า ขมขื่น ฯลฯ แต่ในความเป็นจริง โลกเราก็มีสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์มีข่าวอาชญากรรมให้พบเห็นตลอด
ตัวละคร Alex ก็เปรียบเหมือนวัยรุ่นอัธพาลบ้านเรา ที่ชอบใช้ความรุนแรง ฆ่า ปล้น ข่มขื่น การที่เข้ารับการบำบัดให้เกลียดการทำผิด มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง เพราะจะแก้ปัญหาให้ถูก มันต้องแก้จากสังคมของเราเสียก่อน มีฉากหนึ่งที่ Alex ไปเจอเพื่อนเก่าของเขาหลังออกจากคุก ซึ่งเป็นเพื่อนที่เคยอยู่ในแก๊งเดียวกัน เพื่อนของ Alex ได้เป็นตำรวจ เมื่อเห็น Alex จึงรุมซ้อม กดเขาจมน้ำปางตาย ฉะนั้นสังคมมันจะดีได้อย่างไรละเมื่อเอาคนที่เคยเป็นอันธพาลมาเป็นตำรวจ
นอกจากนี้การที่คืนคนที่เคยทำผิดสู่สังคม มักจะพบปัญญาหาอยู่เสมอคือคนรอบข้างยังไม่ให้อภัยคนทีทำผิด หนังเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดออกมาให้เห็น เช่น คนแก่ที่ Alex เคยทำร้ายก็จำเขาได้และรุมทำร้ายเขา พ่อแม่เขาเองก็ตัดหางปล่อยวัด
หากจะว่าไปมันก็เป็นการใช้กรรมของผู้ทำผิดนั่นแหละ
สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงที่ปรากฏในสังคมเสมอ นี่จึงเป็นหนังที่ตีแผ่ความเป็นจริงของโลกมนุษยได้เป็นอย่างดี
"ความเจริญเป็นเพียงแค่เปลือกนอก เพราะจิตของมนุษย์ไม่ได้เจริญตามเลย"
ความน่าดู
8.5/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น