วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

Schindler’s List คนดีในหมู่คนเลว



สงครามโลกครั้งที่สอง มีชาวยิวเสียชีวิตราวหนึ่งล้านคน

ท่ามกลางความโหดร้ายในสงครามโลก มีชายชาวเยอรมันคนนึงเปรียบเหมือนพ่อพระที่คอยปกป้องชาวยิวไว้
ออสการ์ ชินด์เลอร์

Schindler’s List (กำกับโดย Steven Spielberg) เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองผ่านตัวละครอย่าง ออสการ์ ชินด์เลอร์ หนังเริ่มต้นด้วยภาพสีในพิธีซับบาทของชาวยิว หลังจากนั้นหนังเริ่มเป็นภาพขาวดำจนจบเรื่อง ซึ่งการที่ผู้กำกับเปลี่ยนจากภาพสีเป็นภาพขาวดำหลังจากพิธีซับบาทก็เป็นการสื่อว่า ความโหดร้ายกำลังเกิดขึ้น ซึ่งเหมือนกับโลกไม่มีสีสันอีกต่อไป

ออสการ์ ชินด์เลอร์ (Liam Neeson) เป็นนักธุรกิจชาวเยอรมันที่เข้ามาในโปแลนด์เพื่อฉกฉวยผลประโยชน์จากสงคราม เขาเปิดโรงผลิตภาชนะเคลือบโดยจ้างคนงานชาวยิวในราคาต่ำ นั่นทำให้ออสการ์กอบโกยผลกำไรได้อย่างมากมาย

จากนั้นไม่นาน ทหารเยอรมันได้กวาดล้างชาวยิวในโปแลนด์ในสลัมให้ไปอยู่ในค่ายกักกันต่างๆตามเมือง จุดนี้เอง ที่ทำให้ออสการ์เปลี่ยนใจมาช่วยเหลือชาวยิวมากมายจนสงครามโลกสิ้นสุด

ตลอดทั้งเรื่อง หนังได้แสดงให้เห็นถึงความป่าเถื่อนของทหารเยอรมันที่มีต่อชาวยิว ซึ่งหากเป็นภาพสีละก็คงได้เห็นเลือดท่วมจอเป็นแน่ครับ


ตัวหนังเป็นภาพขาวดำตลอดเรื่องครับ ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ หนังได้ทำภาพสีอยู่สองช่วงตลอดการดำเนินเรื่อง คือ ช่วงการกวาดล้างชาวยิว หนังได้โฟกัสไปที่เด็กผู้หญิงโดยให้เด็กใส่เสื้อโค้ทสีแดง ซึ่งก็หมายถึงการนองเลือดนั่นเอง เพราะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นไปสู้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว และฉากต่อมาคือจุดจบของเด็กผู้หญิงคนนี้ในค่ายกักกันชาวยิว หนังได้ใช้ภาพสีแดงในสีชุดของเธอเท่านั้น

นอกจากนี้ช่วงที่หนังโฟกัสไปที่เด็กหญิงในชุดสีแดง ก็เป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้ ชินด์เลอร์ ตระหนักถึงความโหดร้ายที่ตามมา และทำให้เขาอุทิศตัวช่วยเหลือชาวยิวนั่นเอง

ตัวละครอีกตัวที่น่าสนใจคือ เกิธ ทหารเยอรมันที่ได้รับมอบหมายดูแลค่ายกักกัน เขาเป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงความป่าเถือนของทหารเยอรมันต่อชาวยิวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะฉากที่เขาตื่นนอนขึ้นมาและเดินไปที่หน้าต่าง ยิงคนยิวที่เดินขี้เกียจอู้งาน ซึ่งเป็นความป่าเถื่อนของทหารเยอรมันที่เห็นได้ตลอดเรื่อง

แม้เกิธ จะมีความป่าเถื่อนอยู่ในตัว แต่ลึกๆเค้าก็มีความอ่อนโยนเหลืออยู่ เพราะเค้าแอบหลงรักสาวใช้คนยิวในค่าย ในช่วงก่อนจบสงครามเขาปรารถนาที่จะพาเธอไปอยู่ด้วย และฉากที่เกิธคุยกับหล่อนในห้องนอนของหล่อน เขาบอกว่าเขาอาจจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับเธอบ้าง เขาอยากจะช่วยเธอบ้าง การคุยกันนี้แสดงให้เห็นว่าเขายังมีความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่ แม้มันจะเป็นความคิดแบบฉันชู้สาวก็ตาม และถึงแม้สุดท้ายเค้าก็ลงมือทำร้ายเธอก็ตาม ซึ่งสิ่งนี้ทำให้คำพูดของออสการ์เป็นจริง

หากเขาไม่ได้อยู่ในสงครามบ้าๆนี่ เขาคงเป็นคนดีทีเดียวละ

สงครามทำให้คนกลายเป็นคนป่าเถื่อนได้จริงๆ

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือชีวิตของชินด์เลอร์ เขาเป็นนักอุตสหกรรมที่สามารถฉกฉวยผลพวงจากสงครามได้มากมาย ซึ่งทำให้เขารวยขึ้นมาได้ทันตาเห็น ช่วงแรกจะเห็นว่าเขาไม่ได้จะมีความคิดที่จะช่วยเหลือชาวยิวเลย เขาเพียงแค่ต้องการผลประโยชน์เท่านั้นเอง และช่วงหลังสงครามเขาไม่ประสบความสำเร็จใดๆเลยในการทำธุรกิจต่างๆ นี่แหละครับคงเป็นผลกรรมของเขาที่ได้หากินกำความยากลำบากของผู้อื่น

แต่คุณงามความดีของเขาที่ได้ช่วยชีวิตชาวยิวไว้ 1000 ชีวิต ซึ่งก็พอที่จะทำให้มีคนช่วยเหลือเขาในการทำธุรกิจช่วงหลังสงครามโลก เขาได้รับการช่วยเหลือมากมายจากคนยิวในช่วงหลังสงคราม

นี่คือสิ่งดีงามของการทำความดีละครับ

หากคุณผู้อ่านต้องการศึกษาถึงความโหดร้ายของสงครามละก็ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหมาะมากละครับ ลองหามาดูกันนะครับ



ความน่าดู
8/10




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น